สำหรับเจ้าของรถยนต์หรือเหล่าคนรักรถยนต์ทั้งหลาย รถยนต์อาจไม่ได้เป็นแค่เพียงยานพาหนะที่จะพาเราไปยังจุดมุ่งหมายเพียงเท่านั้น แต่อาจจะเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจที่พร้อมลุยไปด้วยกันทุกเส้นทาง จึงไม่แปลกเลยที่หลาย ๆ คนจะดูแลรถยนต์เป็นอย่างดี ด้วยการนำไปตรวจเช็กสภาพรถเป็นประจำทุกปี มีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ และเลือกความคุ้มครองดี ๆ เพื่อช่วยรองรับความเสี่ยงให้กับรถยนต์และตัวผู้ใช้รถเองด้วย บางคนอาจไปค้นหาว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง เป็นความคุ้มครองที่ตอบโจทย์มากน้อยแค่ไหน เพื่อที่จะได้ดูแลรถได้อย่างถูกจุด

แต่สำหรับบางคนนั้น แม้จะเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มาพร้อมความคุ้มครองที่น่าสนใจ แต่อาจหลงลืมบางสิ่งไป อย่างเช่นการที่ไม่ได้มีเวลาเอาใจใส่รถยนต์อย่างเพียงพอ จนรถเริ่มส่งสัญญาณบางอย่างออกมาว่าภายในเริ่มมีปัญหาแล้วนะ หากไม่รีบดูแลซ่อมบำรุงก็อาจจะเสี่ยงอุบัติเหตุได้ จะมีสัญญาณอะไรบ้างลองมาอ่านดูได้เลย

สัญญาณอันตรายที่บอกว่ารถยนต์ของคุณกำลังมีปัญหา

  • ใช้เวลาสตาร์ทนาน

สตาร์ทเครื่องยนต์นานกว่าปกติสียงสตาร์ตนั้นยังบอกอาการของรถได้ เพราะปกติแล้วการสตาร์ทเครื่องยนต์นั้นจะใช้การถีบตัวไม่เกิน 3 ครั้งใช้เวลาไม่เกิน 15 วินาที ถ้านานกว่านั้นแสดงว่ารถเริ่มมีปัญหา หมายถึงแบตเตอรี่น่าจะกำลังเสื่อมสภาพ ให้เตรียมตัวเปลี่ยนแบตเตอรี่รถเลย

  • เสียงเครื่องยนต์ที่ผิดปกติ

สำหรับรถยนต์บางคันอาจสังเกตหรือฟังได้ยาก โดยเฉพาะตอนที่ขับอยู่ก็อาจจะไม่ได้โฟกัสไปที่การฟังเพราะต้องจดจ่ออยู่กับเส้นทางข้างหน้า แต่สามารถสังเกตได้เมื่อรถจอดหรือเดินเบาเครื่องยนต์ก่อนขับออกถนน โดยทั่วไปแล้วการทำงานของเครื่องยนต์จะไม่มีเสียงผิดแปลก แต่ถ้าได้ยินเสียงคล้ายเหล็กกระทบกัน แนะนำให้ปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญหรือส่งไปตรวจเช็กทันที

  • ใต้ท้องรถมีน้ำมันรั่ว

แม้จะดูเหมือนเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยในรถยนต์ของคนทั่วไป เพราะบางคนน่าจะพอทราบมาว่าอาการน้ำมันรั่วหยดใต้ท้องเป็นอาการที่เกิดได้กับรถทุกคันยิ่งเป็นรถที่มีอายุการใช้งานมานานแล้วก็ยิ่งมีโอกาสที่ส่วนประกอบภายในอาจจะเสื่อมสภาพและไม่สามารถกั้นหรือกันน้ำมันไม่ให้ไหลออกมาได้ทั้งหมด จึงอาจมีรั่วซึมออกมาบ้าง หรืออาการน้ำมันรั่วอาจเกิดมาจากสภาพการใช้งาน เช่น อุบัติเหตุที่เกิดระหว่างการใช้งานรอยครูด รอยกระแทก ใต้ท้องรถ ก็ทำให้เกิดอาการน้ำมันรั่วซึมได้เช่นกัน แต่ในกรณีที่พบว่าน้ำมันรั่วออกมาในปริมาณมาก อย่านิ่งนอนใจ ให้นำส่งช่างเพื่อช่วยซ่อมดีกว่า

นอกเหนือจากการดูแลรถยนต์และพาไปตรวจเช็กสภาพเป็นประจำแล้ว แนะนำให้วางแผนรองรับความเสี่ยงให้ครอบคลุม อย่างการเลือกประกันภัยดี ๆ สักกรมธรรม์ ลองเปรียบเทียบเบี้ยประกันแล้วเช็กว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง อาจเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์คุณมากที่สุดก็ได้